วันอาทิตย์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ประวัติอซิริส (Osiris) เทพแห่งสันติ

อซิริส (Osiris) เทพแห่งสันติ         

  

           ชื่อนี้คือชื่อเทพรุ่นแรกสุดของอียิปต์ เป็นเทพที่ได้ชื่อว่ารังเกียจความรุนแรงจับใจที่สุดองค์หนึ่ง ความรังเกียจเช่นนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าลำบากใจจริงๆ ไม่ช้าไม่นานเมื่อท้าวเธอต้องกลายมาเป็นเทพผู้ปกครองอียิปต์พระองค์พบว่าประชากรอันมากมายของพระองค์เวลานั้นเป็นพวกป่าเถื่อนแบบบริสุทธิ์จริงๆ ทั้งไม่สามรถคิดอ่านอะไรเองได้เนื่องจากความไม่รู้ และยังไร้ศีลธรรมอีกด้วย แต่ถึงอย่างไรก็ตาม โอซิริสก็ยังสามรถโน้มน้าวบรรดาประชาชนเหล่านั้นให้มาเชื่อฟังกฎระเบียบของพระองค์ได้ เชื่อไหมว่าพระองค์สอนด้วยวิธีสันติเพียงอย่างเดียวให้รู้ถึงการอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข ตั้งสังคมขึ้น และบริหารสังคมนั้นด้วยวินัยและศีลธรรม โอซิริสสอนให้มีการเพาะปลูกทั่วไป สอนให้ทำขนมปังเป็นอาหาร แถมยังสอนให้หมักไวน์และเบียร์เพื่อความสนุกสนานอีกซะด้วย
          โอซิริสสร้างบ้านแปลงเมือง สร้างวัดวาอารามและมีการสร้างเทวรูปไว้บูชาเป้นรูปแรก พระองค์สร้างดนตรีไว้เพื่อความเพลิดเพลินและการบูชาภายใต้การปกครองของโอซิริสและมเหสีคือ ไอซิส (Isis) อียิปต์กลายเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ในโลกโบราณเชียวล่ะ แล้วตอนนั้นเองที่โอซิริสตั้งใจว่าจะเผยแพร่อารยธรรมของพระองค์ไปทั่วโลก


       แต่เนื่องจากเป็นคนที่เกลียดความรุนแรง ในการเผยแพร่อารยธรรมในครั้งนี้โอซิริสจึงไม่ได้ใช้กำลังทางทหารเลย พระองค์ใช้เวทมนตร์ของดนตรีและบทเพลงของพระองค์เท่านั้น แต่ว่าชาติแล้วชาติเล่าก็ต้อนรับอารยธรรมที่พระองค์นำไปให้ ท้ายที่สุดเมื่อโอซิริสกลับถึงบ้านพระองค์ก็ได้เผยแพร่ความเจริญให้กับส่วนอื่นๆ ของโลกจนครบ


       ส่วนในอียิปต์ตอนที่โอซิริสไม่อยู่ ราชินีไอซิสก็ได้สานต่องานของพระสวามีด้วยการสอนผู้หญิงอียิปต์ในงานปั่นด้ายและทอผ้า สอนให้ผู้ชายรักษาคนป่วย ไอซิสคิดค้นการแต่งงาน ซึ่งทำให้ผู้หญิงและชายจะแบ่งปันความสุขและแรงงานระหว่างกัน ภายใต้การปกคองที่รุ่งเรืองของโอซิริสและไอซิสโลกของเราน่าจะมีสนติสุขจริงๆ แต่นั่นจะต้องไม่มีเซท (Set) น้องชายทรยศของโอซิริสเองซึ่งเป็นผู้ทำให้ยุคทองนี้ล่มสลายลง


       ด้วยนิสัยของมนุษย์เรานี่ละ ใช่ว่าจะมีคนแบบเดียวกันทั้งโลก ดังนั้นพวกที่มีจิตคิดอิจฉาริษยาจึงเข้าพวกกับเซทกันมากเหมือนกัน และพวกที่ร้ายๆ แบบนี้ก็พากันหาอุบายมาฆ่าโอซิริสจนสำเร็จ จักการเอาพระศพยัดลงโลง แล้วเอาไปถ่วงในแม่น้ำไนล์ แต่ว่าโลงพระศพกลับล่องลอบออกไปทางปากแม่น้ำสู่ทะเลจนไปเกยฝั่งที่ฟีเนียเซีย ราชินีไอซิสผู้โศกเศร้าได้พยายามติดตามหาพระศพของพระสวามีจนมาพบและได้ช่วยชุบชีวิตของพระองค์ขึ้นมาใหม่


      ความผิดพลาดของการที่พระองค์ไม่ปรารถนาที่จะใช้กำลังรุนแรงนนี่ละทำให้พระองค์พลาดอีกครั้งอย่างจังเบอร์เลย เมื่อพระองค์ไม่ลงทัณฑ์เซท กลับปล่อยเอาไว้ให้เป็นเสี้ยนหนามในที่สุดไม่ช้าไม่นานเซทก็วางแผนฆ่าพระองค์อีกจนได้ คราวนี้สับพระศพแยกออกเป็นส่วนๆ ถึงสิบสี่ชิ้น กะไม่มีการชุบชีวิตขึ้นได้อีกครั้งโดยเด็ดขาด แล้วเอาชิ้นส่วนเหล่านี้ไปโปรยทั่วอียิปต์ ร้อนถึงไอซิสผู้โชคร้ายต้องติดตามชิ้นส่วนของพระสวามีตามที่ต่างๆ นำมาประกอบเป็นรูปร่าง และคิดค้นเทคนิคการดองศพเพื่อชุบโอซิริสขึ้นมาเป็นครั้งที่สอง


  แต่ว่าคราวนี้พระองค์กลับได้รับการเลือกให้เป็นผู้ปกครองดินแดนแห่งความตายนิรันดร์ เป็นที่ซึ่งพระองค์จะไม่คืนมาสู่อียิปต์ในรูปของมนุษย์อีกต่อไป อียิปต์ในความดูแลของพระองค์เหลือเพียงเรื่องของการอำนวยผลแห่งความอุดมของดินและสายน้ำที่เป็นแหล่งก่อกำเนิดชีวิตของแม่น้ำไนล์ แล้วเซทผู้ริษยาล่ะ หลังจากที่ฆ่าพี่ชายตายจนโอซิริสกลายเป็นเทพแห่งอาณาจักรในความมืดเซทยังไม่ลดละความริษยาลงเลย ยังคงตามจองล้างด้วยการนำเอาความแห้งแล้ง และพายุทรายมารบกวนอียิปต์อยู่เนืองๆ


 ส่วนไอซิสราชินีหม้าย ซึ่งแสนจะโสกเศร้ากับการจากไปของพระสวามีก็มีชะตากรรมสุดท้ายที่ไร้ความสุข เมื่อโอรสของพระองค์กับโอซิริสคือ โฮรัส (Horus) ต้องการจะแก้แค้นเซท พระนางทรงห้ามด้วยไม่ต้องกานให้เกิดความรุนแรงขึ้นตามนโยบายของพระสวามี แต่คราวนี้โฮรัสเกิดบันดาลโทสะฟาดดาบตัดศีรษะพระมารดาสิ้นชีพ พระนางไอซิสหลังจากสิ้นชีพแล้วก็กลายเป็นเทวีที่ช่วยให้คนตายได้ไปพบกับโอซิริส ฉะนั้นคนดีที่กำลังจะตายเห็นจะไม่ต้องกลัวอะไร เพราะเทพและเทวีคู่นี้จะเป็นผู้นำทางเขาไปนิรันดร์กาล…


อ้างอิงมาจาก www.dek-d.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น